ประมวลภาพการฝึก ARNEX21 พร้อมความร่วมมือของ ทร. 7 ชาติอาเซียน และ ทร.รัสเซีย

Release Date : 07-12-2021 00:00:00
ประมวลภาพการฝึก ARNEX21 พร้อมความร่วมมือของ ทร. 7 ชาติอาเซียน และ ทร.รัสเซีย

ประมวลภาพของเรือหลวงกระบุรี ซึ่งเป็นตัวแทนกองทัพเรือไทย ที่เข้าร่วมการฝึกผสม ASIAN RUSSIA NAVAL EXERCISE (ARNEX21) ระหว่างวันที่ 1 – 3 ธันวาคม 2564 ณ เมืองท่าเมดาน – ตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้แนวคิดที่ว่า JOINT ACTION TO ENSURE THE SAFETY OF MARITIME ECONOMIC ACTIVITY AND CIVIL NAVIGATION ร่วมกับเรือรบประเทศต่างๆ ในชาติอาเซียน และ เรือรบจากประเทศรัสเซีย รวมจำนวน 8 ลำ เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ ประกอบด้วย
• KRI I GUSTI NGURAH RAI (Frigate) โดยกองทัพเรืออินโดนีเซีย (เจ้าภาพ)
• KD LEKIU (Frigate) โดยกองทัพเรือมาเลเซีย
• RSS VIGUOR (Corvette) โดยกองทัพเรือสิงคโปร์
• KDB DARUTTAQWA (OPV) โดยกองทัพเรือบรูไน
• UMS KYAN SITTHA (Frigate) โดยกองทัพเรือเมียนมา
• VPNS LY THAI TO (Frigate) โดยกองทัพเรือเวียดนาม
• AMIRAL PENTELEYEV (Destroyer) โดยกองทัพเรือรัสเซีย
• H.T.MS. KRABURI (Frigate) โดยกองทัพเรือไทย
โดยในเช้าตรู่ของวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เรือรบต่างๆ จากทุกประเทศได้เดินทางจากประเทศของตนเข้าจอดทอดสมอ ณ เมืองท่าเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย ห่างฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล หลังจากนั้นในช่วงสายของวัน เป็นพิธีเปิดการฝึกผ่านระบบออนไลน์ โดยผู้แทนของเรือชาติต่างๆ ได้เข้าร่วมพิธีเปิด อยู่ที่เรือของตนเอง เพื่อลดการสัมผัสซึ่งกันและกัน ป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระหว่างประเทศ หลังจากนั้นแล้วประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นเจ้าภาพได้นำคณะทูตของประเทศรัสเซียประจำอาเซียน พร้อมผู้ช่วยทูตทหารประเทศต่างๆ ที่อยู่ประจำประเทศอินโดนีเซีย ลงเรือไปให้การต้อนรับเรือต่างๆ ที่จอดทอดสมอลอยลำอยู่ในทะเล ถือว่าพิธีเปิดเป็นอันเรียบร้อยโดยสมบูรณ์
สำหรับในห้วงของการฝึก เริ่มต้นด้วยการประชุมเตรียมการก่อนการฝึก ภายหลังพิธีเปิดเสร็จสิ้น และในช่วงบ่ายเป็นการเริ่มการฝึกในท่า (HARBOR PHASE) โดยมีการฝึกการติดต่อสื่อสารระหว่างเรือด้วยธงประมวลสากลและโคมไฟ พร้อมฝึกการเปิดบรรณสารการเดินเรือ ที่นับว่าเป็นสิ่งที่กองทัพเรือทั่วโลกได้ใช้ติดต่อสื่อสารกันมาอย่างยาวนาน
เข้าสู่การฝึกในวันที่ 2 เป็นการออกเรือฝึกในทะเล (SEA PHASE) โดยเรือต่างๆ ที่จอดทอดสมออยู่ ณ เมดาน อินโดนีเซีย ได้หะเบสสมอกันในเวลาเช้าตรู่ของวัน ทยอยเคลื่อนตัวเข้าสู่จุดนัดพบที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งการฝึกในหัวข้อแรกเป็นการฝึกแปรกระบวนเรือ ตามรูปแบบต่างๆ อาทิ เรียงตามกัน เรียงทางข้าง และรูปแบบอื่นๆ โดยมีระยะต่อระหว่างลำประมาณ 500 หลา ต่อด้วยการฝึกการนำเรือแล่นขนาน ซึ่งการฝึกนี้กองทัพเรือไทยเป็นเจ้าภาพการฝึก และเนื่องด้วยมีจำนวนเรือเข้าร่วมการฝึกถึง 8 ลำ จึงแบ่งออกเป็น 2 หมู่เรือ เพื่อความปลอดภัยของเรือต่างๆ นับว่าเป็นการฝึกที่ต้องใช้ความชำนาญของผู้นำเรือและความเข้าใจที่ตรงกันของเรือต่างๆ เป็นอย่างมาก และระหว่างนี้ เฮลิคอปเตอร์จากประเทศอินโดนีเซียเจ้าภาพ ก็ได้ขึ้นบินบันทึกภาพถ่ายทางอากาศในการฝึกอีกด้วย
ในช่วงบ่าย เป็นการฝึกการตราทางเป้า เรือต่างๆ จะฝึกการพล๊อตพิกัดตำบลที่ของเรือทั้ง 8 ลำในรูปกระบวน ต่อด้วยการฝึกการตรวจค้นเรือต้องสงสัยซึ่งกองทัพเรืออินโดนีเซียได้สาธิตการตรวจค้นให้เรือต่างๆ ได้เฝ้าติดตาม เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงห้วงเย็นของวัน ก็ได้มีการฝึกการนำเรือด้วยนายยามเรือเดิน ต่อด้วยช่วงค่ำ เป็นการฝึกการติดต่อสื่อสารทางโคมไฟและเปิดบรรณสารการเรือไปพร้อมกัน และในหัวข้อสุดท้ายของการฝึกในวันนี้ เป็นการฝึกป้องกันความเสียหายภายในตัวเรือแต่ละลำ โดยในวันนี้เรือทั้ง 8 ลำ ได้เดินเรือระหว่างการฝึกกว่า 250 ไมล์ทะเล ในทิศทางที่ขึ้นเหนือมุ่งสู่หัวเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
รุ่งเช้าของวันที่ 3 ซึ่งเป็นการฝึกวันสุดท้าย เริ่มต้นวันด้วยการฝึกการปฏิบัติการระหว่างเรือและเฮลิคอปเตอร์ โดยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย ทำการบินวนกองเรือ สาธิตการปฏิบัติการทางอากาศด้านต่างๆ ต่อด้วยการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล ก่อนที่จะมีพิธีปิดการฝึกทางข่ายสื่อสารวิทยุโทรศัพท์โดยประเทศเจ้าภาพ และเป็นอันสิ้นสุดการฝึกตลอดห้วง 3 วัน อย่างเป็นทางการ โดยก่อนที่เรือต่างๆ จะเดินทางกลับประเทศของตนนั้น ได้มีการนำเรือแล่นขนานทีละลำ FAREWELL PASS พร้อมการอำลากันด้วยการโบกหมวก ตามแบบธรรมเนียมของทหารเรือสากลอย่างงดงาม
ภาพรวมของการเข้าร่วมการฝึก ASIAN RUSSIA NAVAL EXERCISE (ARNEX21) ของกองทัพเรือไทย โดยเรือหลวงกระบุรีในครั้งนี้ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของเหล่าทหารเรือไทย ที่ได้เดินทางไกลมาเข้าร่วมการฝึกที่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้ ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือของชาติต่างๆ ในอาเซียน และ กองทัพเรือรัสเซีย ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับเหล่าทหารเรือไทยในเวทีนานาชาติได้เป็นอย่างดี